มาแล้ว! กองทุนเด่น แนะนำ DCA ครึ่งปีหลัง 64


มาแล้ว! Top Pick กองทุนเด่น แนะนำออมรายเดือน (DCA) ครึ่งปีหลัง 64 ไปดูกันว่ามีกองทุนอะไรบ้าง?

มาแล้ว! กองทุนเด่น แนะนำ DCA (Fund Builders Plan) ครึ่งปีหลัง 64

มุมมองภาพรวมของแต่ละสินทรัพย์ในครึ่งปีหลัง

United State of America
– คาดครึ่งปีหลังกลุ่ม consumer จะฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามกระแสธีมการเปิดเมือง และตัวเลขการฉีดวัคซีนที่ดี จึงปรับลดสัดส่วนการลงทุนในกลุ่ม Technology และ Clean Energy และเพิ่มสัดส่วนในกลุ่มการท่องเที่ยว
– สำหรับประเด็นเงินเฟ้อในครึ่งปีหลังยังคงมองว่ามีความเสี่ยงอยู่ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงยิ่งตัวเลขการจ้างงานและตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่หากออกมาดีมาก อาจจะเห็นการปรับ Interest rate และลด QE เร็วกว่าที่ FED ตั้งใจไว้

China
– มองว่าครึ่งปีหลังจีนจะได้รับแรงกดดันจากฝั่งตะวันตกมากขึ้น หลังจากทั้งทางยุโรปและ US สามารถจัดการปัญหาการระบาดของ COVID-19 ได้แล้ว โดยสัญญาณแรกอาจจะเป็นเรื่องของการกลับเข้าไปตรวจสอบต้นตอการระบาดของไวรัส รวมถึงการประชุม G7 ที่อเมริกาได้นำเสนอโครงการ Build Back Better World ขึ้นมาแข่งกับ Belt Road Initiative
– ปัจจุบันกองทุนที่เป็นแกนหลักของการลงทุนในจีนยังเติบโตได้ดี แต่เราจะลดสัดส่วนการลงทุนในจีนบางส่วน เพื่อให้สอดคล้องกับแรงกดดันที่ทางจีนจะได้รับในครึ่งปีหลัง โดยจะลดสัดส่วนลงทุนในกองทุนที่ลงทุนใน H-Share เนื่องจากกองมีสัดส่วนถือเงินสดเยอะ

Europe
– เรายังคงชอบการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดยุโรป และมองเป็นการกระจายความเสี่ยง เพราะเมื่อสงครามการค้าประทุขึ้นมาอีกครั้ง ประเทศในกลุ่มยุโรปที่ยังพยายามวางตัวเป็นกลาง อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา

Thailand
– ถึงแม้ว่าการกระจายวัคซีนจะเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น แต่จากแรงกดดันของประชาชน เลยค่าดว่าจะมีความพยายามจัดหาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งคนไทยไม่ค่อยปฎิเสธการฉีดวัคซีน โดยคาดว่าเมื่อวัคซีนทางเลือกเริ่มเข้ามา จำนวนผู้ที่ฉีดก็จะเพิ่มขึ้นอีก ทำให้มองว่าจุดแย่สุดของการระบาดกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ยังคงกังวลต่อผลกระทบที่จะตามมาต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากระลอกสามนั้นยาวนามและส่งผลต่อ SMEs อย่างมากจนทำให้กำลังซื้อของประชาชนนั้นหดหายลงไปเยอะ จึงมองว่าผลกระทบโควิด-19 ยังคงอยู่ จึงเน้นลงทุนกลุ่มบริษัทขนาดเล็กกลางที่มีลักษณะธุรกิจเฉพาะน่าจะเหมาะสมกว่า

Vietnam
– ทั้งประชากรที่เยอะ อยู่ในวัยทำงาน ทำให้ค่าแรงค่อนข้างถูก อัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เป็นเหตุให้ foreign direct investment เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และถึงแม้เศรษฐกิจของเวียดนาม จะขนายตัวอย่างต่อเนื่องจนต้องนำเข้าทั้งเครื่องจักร และวัตถุดิบมารองรับการเติบโต แต่เวียดนามก็ไม่ได้ขาดดุลการค้าแบบที่ไทยเคยเป็นในช่วงยุค 40 เนื่องจากปริมาณการส่งออกของเวียดนามก็เติบโตเช่นกัน โดย ณ ปัจจุบันมูลค่าการส่งออกของเวียดนามโตแซงประเทศไทยไปแล้ว
– แม้ดัชนีตลาดของเวียดนามจะปรับตัวขึ้นมาเยอะ แต่ PER กลับไม่ได้สูงมาก เมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาค เนื่องจากศักยภาพในการเติบโตของเวียดนามยังคงมีสูง โดยเราสามารถเห็นภาพการเติบโต 20-30% ของบริษัทในเวียดนามได้
– ในกรณีที่สงครามการค้ากลับมารุนแรงอีกครั้ง เวียดนามก็จะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับประโยชน์

Gold
– มองว่าครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่ความไม่แนานอนสูงกว่าปีแรก จากการที่นักลงทุนตั้งความหวังกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไว้สูงมาก ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ก็ปรับตัวขึ้นไปสูง มองว่าการเพิ่มสัดส่วนในทอง จะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงลง

REITs
– มองผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และ overweight เพิ่มในส่วนของ US infra จาก yield ที่ดีและตอบรับธีมของ Biden

Bond
– คงสัดส่วนรวมตามเดิม แต่ลดส่วนของ Thai Bond ไปยังจีนเนื่องจาก ทั้ง Bond yield ความผันผวน และ Default Rate ของ China Bond นั้นดีกว่า Thai Bond

Source: แนะนำโดยนักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป ณ กรกฎาคม 2564

กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นแนะนำ ความเสี่ยงต่ำ เน้นความปลอดภัย

KFSPLUS – กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเพิ่มทรัพย์ : กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น อายุไม่เกิน 1 ปี  ซึ่งมีความผันผวนต่ำ ไม่มีประวัติขาดทุนตลอดช่วง 10 ปี ย้อนหลัง ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ที่ 0.48% นำมาใช้แทนกองทุนตลาดเงิน เน้นความปลอดภัย

SCBSFFPLUS-I กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส (ชนิดหน่วยลงทุน I)  : กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น อายุ 3 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งมีความผันผวนต่ำ ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ที่ 0.44% นำมาใช้แทนกองทุนตลาดเงิน เน้นความปลอดภัย

กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางแนะนำ ความเสี่ยงปานกลาง เพื่อยกระดับผลตอบแทน

K-FIXED – กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ : กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง อายุไม่เกิน 3 ปี เน้นลงทุนตราสารหนี้ไทย ที่มีระดับ Credit Rating Investment Grade จึงมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำ แต่ยังคงมีความผันผวนจากราคาตราสารหนี้ จากความเสี่ยงที่สุงขึ้น จึงสามารถคาดหวังระดับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ โดยประวัติผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี ที่ 2.06%

KFAFIX-A กรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้-สะสมมูลค่า : กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง อายุไม่เกิน 3 ปี เน้นลงทุนตราสารหนี้ ที่มีระดับ Credit Rating Investment Grade จึงมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำ โดยกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ต่างประเทศบางส่วนเพื่อเปิดโอกาสหาตราสารหนี้ที่ดี ในต่างประเทศ แต่ยังคงมีความผันผวนจากราคาตราสารหนี้ จากความเสี่ยงที่สุงขึ้น จึงสามารถคาดหวังระดับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ โดยประวัติผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี ที่ 2.56%

กองทุนหุ้นแนะนำ ความเสี่ยงสูง เพื่อการเติบโตที่ดี จากการลงทุนระยะยาว

PWIN – กองทุนเปิดฟิลลิปเวิลด์อินโนเวชั่น : กองทุนประเภท Global Equity กระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก จึงช่วยกระจายความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นให้กับนักลงทุนได้ดี นอกจากนี้ ด้วยนโยบายของ PWIN ที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่เป็นนวัตกรรม และเทคโนโลยี ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนได้ดีในสถานการณ์ต่างๆ จึงช่วยให้โอกาสการเติบโตของกองทุน PWIN เกาะติดไปกับกระแสของเมกะเทรนด์ และทิศทางพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกได้ โดยประวัติผลตอบแทนย้อนหลัง 2 ปี ที่ 44.71%

TMBGQG – กองทุนเปิดทหารไทย Global Quality Growth : กองทุนหุ้นทั่วโลก ลงทุนในกองทุนหลัก Wellington Global Quality Growth ซึ่งกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ คัดเลือกหุ้นอย่างเป็นระบบ กรองหุ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน จากหุ้นทั่วโลกกว่า 3,000 บริษัท และ วิเคราะห์แบบ Bottom Up เชิงลึก เพื่อเฟ้นหาหุ้นเติบโต ที่มีคุณภาพดี มีความ Active ในการจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา มีการกระจายการลงทุนที่ดี หุ้นใหญ่ 10 ตัวแรกของพอร์ต กินสัดส่วนเพียงประมาณ 26% ของพอร์ตการลงทุน ผลการดำเนินงานย้อนหลัง YTD และ ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ยต่อปี 10.24% และ 14.87% ตามลำดับ

ONE-UGG-RA – กองทุนเปิด วรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ หน่วยลงทุน​ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป : กองทุนหุ้นทั่วโลก ลงทุนในกองทุนหลัก Baillie Gifford Long Term Global Growth ซึ่งกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยเมื่อเทียบกับ TMBGQG แล้ว จะมีความกระจุกตัวของพอร์ตการลงทุนมากกว่า จึงมีความเสี่ยง และความผันผวนที่สูงกว่า ผลการดำเนินงานย้อนหลัง YTD และ ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ยต่อปี 11.07% และ 27.74% ตามลำดับ

MCHINAGA – กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไชน่า อิควิตี้ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไปที่ไม่รับ​เงินปันผล : กองทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนสไตล์ Active มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นจีนกลุ่ม New China Economy เช่น กลุ่มเทคโนโลยี Healthcare และการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งตามทิศทางนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ซึ่งประเทศจีนเป็นประเทศในกลุ่ม Emerging Market ที่มีศักยภาพเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ไม่แพ้ประเทศพัฒนาแล้วอันดับหนึ่งอย่างสหรัฐฯ กองทุนหุ้นจีนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่มีความน่าสนใจสูงข้อมูลจาก : www.wealthmagik.com/FundInfo/

KFCMEGA-A กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเมกะเทรนด์ หน่วยลงทุนชนิดสะสมมูลค่า : เข้าถึงโอกาสการลงทุนใน 5 เทรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีนในกองทุนเดียว กองทุน Global X MSCI China Consumer Discretionary ETF เน้นการลงทุนในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก กองทุน Invesco China Technology ETF เน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีของจีน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งหุ้นที่จดทะเบียนในตลาด A-Shares, H-Shares และ ADRs กองทุน KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETFลงทุุนในเทคโนโลยีสะอาด เช่น พลังงานทางเลือก การใช้น้ำอย่างยั่งยืน อาคารสีเขียว การป้องกันมลภาวะ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และกองทุน KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF ลงทุนในบริษัทของจีนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพข้อมูลจาก : www.wealthmagik.com/FundInfo/

P-CGREEN – กองทุนเปิดฟิลลิป ไชน่า กรีน เอ็นเนอร์จี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ (Phillip China Green Energy and Environment) : เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ประเภท Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศเพียงกองเดียวไม่น้อยกว่า 80% คือ KraneShares MSCI China Environment ETF (KGRN) ที่อ้างอิงดัชนี MSCI China IMI Environment 10/40 Index ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดัชนีและการวิจัย ESG ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสินทรัพย์อ้างอิงรวมกว่า 108 พันล้านดอลล่าสหรัฐ โดย KraneShares เป็นพาร์ทเนอร์กับ CICC ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ ด้านการเงินของประเทศจีนที่เชี่ยวชาญด้านงานวิจัย ข้อมูลจาก : www.wealthmagik.com/FundInfo/

1AMSET50 -กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มเซ็ท 50 ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป : สำหรับนักลงทุนที่เคยออมกองทุนหุ้นไทย 1AMSET50 เราแนะนำเปลี่ยนกองทุนที่จะออมใหม่ เป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศพื้นฐานดี เพื่อกระจายกลุ่มสินทรัพย์ลงทุนให้หลากหลายขึ้น ส่วนกองทุน 1AMSET50 เดิมที่มีอยู่ในพอร์ต แนะนำคงสัดส่วนการลงทุนไว้ ไม่ต้องสับเปลี่ยนออก เพราะ เรามีมุมมองว่ากองทุนหุ้นไทย ยังเป็นประโยชน์ต่อการกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน และ กองทุน 1AMSET50 ยังเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่ดี กระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ผลการดำเนินงานย้อนหลัง YTD และ ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ยต่อปี 7.42% และ -1.54% ตามลำดับ

Source: แนะนำโดยนักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป ณ กรกฎาคม 2564
Disclaimer: ข้อมูลที่อ้างถึงในรายงานบทวิเคราะห์ฉบับนี้อาจได้มาจากบริการข้อมูลการซื้อขายและสถิติและจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความน่าเชื่อถือได้ ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าว ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรอ้างอิงข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ ความเห็น การคาดการณ์ สมมติฐาน ประมาณการ การประเมินค่า และราคาต่างๆที่ปรากฎในรายงานฉบับนี้อ้างอิงตามวันที่ที่ระบุไว้ในรายงานดังกล่าวเท่านั้น และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

หมายเหตุจาก YAK.GURU:
ผลตอบแทนกองทุนรวม “แบบสะสม” (Cumulative Return) คือการนำผลตอบแทนปีแรกกับปีล่าสุดที่ต้องการคำนวณมาพิจารณา (เช่น NAV ปี 2559 อยู่ที่ 10 บาท ส่วนปี 2563 อยู่ที่ 20 ปี แสดงว่ามีผลตอบแทนสะสม 100% ในรอบ 5 ปี)

ผลตอบแทนกองทุนรวม “แบบเฉลี่ยต่อปี” (Annualized Return) คือการนำผลตอบแทนแต่ละปีมาบวกกันแล้วหารจำนวนปีที่ต้องการดูค่าเฉลี่ย (เช่น นำผลตอบแทนปี 2559 ถึง 2563 มาบวกกัน แล้วหาร 5 ก็จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี ย้อนหลัง 5 ปี)

จะสังเกตได้ว่ากองทุนรวมในบ้านเราจึงมักจะคำนวณกองทุนรวมแบบ Cumulative Return เพราะจะเห็นตัวเลขผลตอบแทนสูงๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางด้านการตลาดของบรรดา บลจ. ซึ่งหากจะเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุนในรอบปีที่เหมาะสม นักลงทุนควรดูผลตอบแทนวิธี Annualized Return เป็นหลักครับ 


📌ลงทุนได้ทุกกองทุน ทุก บลจ. ผ่านแอป Fund SuperMart หรือลงทุน DCA รายเดือน ซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยน จัดแผนลงทุน ในแอปเดียว ครับ

✅อยากลงทุน? เปิดบัญชีลงทุนกับฟิลลิปออนไลน์
(Phillip Fund Builders Plan) ทำได้ 3 วิธีดังนี้
1. เปิดบัญชีออนไลน์  >> คลิ๊กเปิดบัญชีออนไลน์
2.
ดาวน์โหลดเอกสารเปิดบัญชี >> คลิ๊กดาวน์โหลด
3.
ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ โทร. 089-199-3466
 
โดยดาวน์โหลดแอป Fund SuperMart
📱สำหรับ iOS ที่ https://apple.co/36PMoRO
📱สำหรับ Android ที่ http://bit.ly/2QtSrn0
 

Q&A Fund SuperMart

📌การเปิดบัญชีฟิลลิป Fund Supermart คืออะไร ?
✅ การเปิดบัญชีเพียงบัญชีเดียว สามารถซื้อกองทุนได้ทุก บลจ (ปัจจุบันมี 22 บลจ) สามารถ กองทุน และ ออมหุ้น และ เทรดหุ้นในตลาดได้ด้วย

📌มีค่าใช้จ่ายในการเปิดไหม ?
✅ เปิดบัญชี ไม่มีค่าใช้จ่าย มีเพียงค่ายืนยันตัวตนที่ 7-11 (กรณีเปิดบัญชีลงทุนออนไลน์และเลือกยืนยันตัวตนที่ 7-11)

📌การซื้อกองทุนผ่านฟิลลิป Fund Supermart มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอะไรไหม ?
✅ การซื้อกองทุนผ่าน Fund Supermart ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากปกติ เหมือนการซื้อกองทุนผ่านแบงค์ทุกประการ

✅แต่จะมีค่าธรรมเนียมการโอนเงิน หากซื้อกองทุนในแต่ละวัน ไม่ว่าจะซื้อกองเดียวหรือหลายกองรวมกันต่อวัน ถ้าไม่ถึง 1,000 บาท จะมีค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 10 บาท

📌ขั้นต่ำในการซื้อคือเท่าไหร่ ?
✅ ข้อกำหนดการซื้อขั้นต่ำ จะเป็นไปตาม Fund Fact Sheet ของแต่ละกองทุน


สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ
นาย สุรัตน์ สดงาม ผู้แนะนำการลงทุน
ใบอนุญาตเลขทะเบียน 083680

🆔 LINE: http://line.me/ti/p/~naimoo
📱089-199-3466 🌐 www.yak.guru
#กองทุนประกันความ #ยักษ์กูรู
#ลงทุนให้รุ่งกับ YAK.GURU


#Disclaimer

  • วัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น มิได้จัดทําขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุน
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือภาษีก่อนตัดสินใจ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • การลงทุนมีความเสี่ยงสูงที่อาจทําให้เกิดความสูญเสียจากการซื้อขาย ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเหมาะสมในการลงทุน โดยคํานึงถึงประสบการณ์ในการลงทุน วัตถุประสงค์ในการลงทุน แหล่งเงินทุน และรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

#กองทุนรวม #ออมกองทุน #ออมหุ้น
#FundSuperMart #หลักทรัพย์ฟิลลิป
#YAKGURU #YAKinvest #ยักษ์กูรู

Previous มาแล้ว! รายชื่อ 36 หุ้น สำหรับบัญชีออมหุ้น (DCA) ครึ่งปีหลัง 64
Next ลดหย่อนภาษีด้วยประกัน ได้ผลตอบแทนจริง ๆ เท่าไหร่?

No Comment

Leave a reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *