สรุปกลยุทธ์ลงทุน กองทุนรวม 14-21 ก.ย. 2564 “FUNDS TACTICAL CALL” Phillip Weekly Wealth Focus
มี LTF ติดพอร์ตอยู่ ทำอย่างไรดี ?
สรุปแนวทางการจัดการกองทุน LTF ในพอร์ต
- พิจารณาสัดส่วนกองทุนหุ้นไทยในพอร์ตโดยรวม หากมากกว่า 20% ควรพิจารณาลดสัดส่วน
- สำหรับ LTF ให้ขายหน่วยที่สามารถขายได้อย่างถูกต้องตามเงื่อนไข LTF ครบตามกฎปีปฎิทิน
• ลงทุน LTF ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 59 ต้องถือครองอย่างต่ำ 5 ปีปฏิทิน จึงขายคืนได้
• ลงทุน LTF ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 59 ถึงวันที่ 31ธ.ค. 62 ต้องถือครองอย่างต่ำ 7 ปีปฏิทินจึงขายคืนได้ - สำหรับหน่วย LTF ที่ยังขายไม่ได้ ให้พิจารณา LTF ที่ถืออยู่ว่าควรสับเปลี่ยนกองทุนหรือไม่ เช่น หากมี performance ระยะยาว 5-7 ปี ไม่ค่อยดี เมื่อเทียบกับ กองทุน LTF อื่นๆ หรือ มีระดับความผันผวนที่สูงเกินไปกว่าที่รับได้ อาจพิจารณาเปลี่ยนเป็นกองทุน LTF ที่มีความผันผวนน้อยกว่า
• เงินที่ลงทุน LTF ในอดีตก่อนปี 59 พิจารณาขายได้ทันที
• เงินลงทุน LTF ปี 59 ให้ รอครบกำหนดขายได้ปีหน้า
• เงินลงทุน LTF ปี 60-62 ปรับไปอยู่กองทุนที่เหมาะสม - กองทุน LTF ที่มีความน่าสนใจสำหรับเป็นทางเลือกในการสับเปลี่ยน เช่น
• LTF กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ เช่น SET50 ได้แก่ KFLTF50, KSET50LTF, KS50LTF, KFLTFA50-D, JB25LTF, MS50LTF
• LTF สไตล์ Active ที่มีผลงานดีสม่ำเสมอ ได้แก่ PRINCIPAL LTF-T, KKP LTFD, 1SG-LTF-T, CG-LTF
• LTF หุ้นไทยสไตล์ 70/30 ช่วยลดความผันผวน ได้แก่ PRINCIPAL 70LTFD-T, SCBLT1, KTLF70/30-L, K70LTF - ขาดทุนที่เห็น อาจไม่หนักหนาอย่างที่คิด อย่าลืมบวกกลับเงินปันผลที่เคยได้กลับเข้าไปในผลการดำเนินงาน
สรุปกลยุทธ์การลงทุน 14 – 21 กันยายน 2564
- การเคลื่อนไหวของตลาดสหรัฐได้สัญญาณเชิงบวกจากการที่ ธนาคารกลางยังไม่รีบร้อนที่จะลดการอัดฉีดสภาพคล่อง แต่อย่างไร ก็ตามการประชุม FOMC 22-23 ก.ย.64 อาจจะมีการส่งสัญญาณออกมาว่า QE tapering จะมีการลดวงเงินในช่วงเดือนไหน
- Debt Ceiling หรือ เพดานหนี้ของสหรัฐที่กำลังจะใกล้แตะลง อาจจะเป็นวาระที่เร่งด่วนมากกว่า เพราะ Jenent Yellen ได้ออกมาแสดงความคิดว่า ควรจะขยายวงเพดานหนี้ เพื่อจะจ่ายให้กับผู้ที่ถือพันธบัตรรัฐบาล ก่อนที่จะไม่สามารถจ่ายได้ ซึ่งมองในประเด็นนี้ อาจจะเป็นวาระที่ต้องรีบเร่งจัดการก่อนที่ จะเงินในรัฐบาลของไบเดนจะหมด จากการกระตุ้น ศก.
- ยังมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางกับตลาดสหรัฐ โดยเฉพาะ กลุ่มที่เป็น Reopening , Defensive และ Cyclical จาการเปิดเมือง และ ตัว Bond Yield สหรัฐที่ค่อยๆ ขยับตัวขึ้น KT-FINANCE , ONE-GLOBFIN , KFGBRAND , SCBTRAVEL , KT-HEALTHCARE, BCARE
- กลุ่ม Tech และ Growth stock แนะนำเป็น hold หรือ ขายทำกำไร
- ท่าทีของธนาคารกลางหลักเช่น Fed ECB และ BOJ ต่างออกมาในเชิงควบคุมสภาพคล่องที่จะใส่เข้าระบบลดลง โดยล่าสุด ECB ได้ประกาศปรับลดวงเงิน PEPP ซึ่งเทียบเท่ากับการทำ QE ของสหรัฐ และเช่นเดียวกับ BOJ ที่ตัดสินใจทำการซื้อ ETF ขั้นต่ำเดือนละ 6 ล้านล้านเยน ออกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นตลาดไม่ได้ตอบรับในเชิงลบ และเมื่อพิจารณาขนาด Balance Sheet ของ BOJ อยู่ในจุดที่ค่อยๆ ขยายตัวเล็กน้อย และ BOJ ยังทำ yield ruve control อย่างต่อเนื่อง K-EUSMALL / KT-EURO / MEURO
- หุ้นของ Alibaba ปรับตัวลงแรง จากข่าวที่ทางการจีนต้องการให้แอป Alipay ของ Alibaba ที่มีผู้ใช้งานกว่า 1,000 ล้านราย สร้างแอปสำหรับธุรกิจสินเชื่อแยกออกจากแอป Alipay
- โดยสั่งให้แยกธุรกิจ Huabei ธุรกิจบัตรเครดิตแบบทั่วไป และ Jinbeu ธุรกิจปล่อยสินเชื่อขนาดเล็กโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดของบริษัท ออกจากแอปหลักอย่าง Alipay รวมถึงแยกออกเป็นคนละแอปด้วย
- คำสั่งดังกล่าวบังคับให้ Ant ต้องส่งข้อมูลผู้ใช้งาน ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจกู้ยืม มาสู่บริษัทประเมินเครดิตสกอร์แห่งใหม่ ที่ร่วมทุนโดยภาครัฐ
- โดยบุคคลที่ใกล้ชิดกับทางการจีนกล่าวว่า รัฐบาลเชื่อว่าอำนาจผูกขาดของบริษัทเทคโนโลยีมาจากการควบคุมข้อมูล ดังนั้นรัฐบาลต้องการจบเรื่องดังกล่าว
- จีนมีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ามากเกินไป รัฐบาลจีนส่งสัญญาณคุมจำนวนบริษัท EV แก้ปัญหาตัดราคา เน้นพัฒนาคุณภาพ
- Xiao Yaqing รมว.อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน กล่าวว่า ปัจจุบันมีจานวนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากเกินไป และรัฐบาลจะสนับสนุนให้ควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมนี้ ส่งผลให้วันนี้ (13 ก.ย.) ราคาหุ้นกลุ่ม EV ปรับตัวลง โดย BYD ลดลง 1.6% และ XPeng ลดลง 2.11%
- นโยบายส่งเสริมพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลจีน ไม่เพียงแต่กระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ เช่น Nio , XPeng และ BYD เร่งขยายกำลังการผลิตในจีน แต่ยังทำให้เกิดบริษัทหน้าใหม่จำนวนมากที่ต้องการเข้าสู่ตลาด
- ฐานข้อมูลของ Qichacha ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน ส.ค. จีนมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่เข้าสู่ตลาดกว่า 81,000 บริษัท ทำให้ยอดรวมทั้งหมดพุ่งสู่กว่า 321,000 บริษัทแล้ว
- Qichacha ยังรายงานว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นักลงทุนได้ลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจำนวน 50 โครงการ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 82,000 ล้านหยวน หรือ 12,700 ล้านดอลลาร์
- Tu Le ผู้ก่อตั้ง Sino Auto Insights บริษัทที่ปรึกษาในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า นี่คือเวอร์ชัน2.0 ของรัฐบาลจีนที่ต้องการลดจำนวนธุรกิจที่ต้องการเข้าสู่ตลาด เหมือนที่เคยจำกัดใบอนุญาตการผลิตเมื่อปี 2017
- รัฐบาลจีนมองเห็นจำนวนธุรกิจที่ล้นเกินไปซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในตลาดจีน จนไม่สามารถแข่งขันกันด้วยคุณภาพ และนำไปสู่การแข่งขันทางด้านราคาเพียงอย่างเดียว
- Tu Le คาดว่า Nio , XPeng และ BYD จะได้รับประโยชน์จากการควบรวมอุตสาหกรรม เพราะการกำจัดคู่แข่งที่มีศักยภาพ ช่วยให้บริษัทเหล่านี้ได้มีทีมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
- นอกจากนี้ Xiao Yaqing ระบุว่า รัฐบาลกำลังเร่งหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนชิป โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลทำการปรับบริษัทผู้จำหน่ายชิป 3 ราย โทษฐานฉวยโอกาสปรับราคาชิปขึ้น
- ปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกเป็นเวลานานส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ และทำให้หลายบริษัทต้องลดหรือหยุดการผลิตลง ซึ่งรวมถึง Ford, Honda และ Volkswagen
- KGRN กองแม่ของ PCGREEN น่าเข้าสะสม หลังจากที่ทางการจีน เข้ามาควบคุมคุณภาพของรถ EV ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในระยะยาว
- กองจีนยังเป็น Wait and see ก่อน สังเกตได้ว่าดัชนีจีนเริ่มจะไม่ลงมากแล้ว ก็ยังต้องดูว่าทางการรจีนจะออกมาตราการณ์ อะไรเพิ่มเคิมในกลุ่มอีก หรือเปล่ายัง คงมีมมุมมองเชิงบวกในระยะยาว แต่จังหวะนี้ขอรอดูตลาดก่อน
ประเด็นที่น่าสนใจ
- เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขสหรัฐ เชื่อว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ อาจจะได้รับอนุญาตให้ใช้กับเด็กอายุ 5-11 ปี ภายในสิ้นเดือน ต.ค. นี้
- ปธน. โจ ไบเดน พูดคุยกับ ปธน. สี จิ้นผิง หารือด้านการหลีกเลี่ยงการแข่งขัน ซึ่งจะนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างสองประเทศโดยจีนพร้อมร่วมมือกับสหรัฐด้านภาวะโลกร้อน, โควิด-19 และประเด็นอื่นๆในภูมิภาคและระดับโลกบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน
- รัฐบาลจีนเตรียมออกคำสั่งให้บริษัทแอนท์ กรุ๊ป แยกแอปพลิเคชันอาลีเพย์ (Alipay) ออกจากธุรกิจสินเชื่อของบริษัท โดยให้พัฒนาแอปใหม่สำหรับบริการสินเชื่อแยกต่างหาก
- รัฐบาลจีนสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าควบรวมกิจการ เนื่องจากมีจำนวนมากและยังมีแผนยกระดับเครือข่ายชาร์จไฟ และส่งเสริมการขายรถยนต์ไฟฟ้าในชนบท
- นายทาโร โคโนะ รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านการฉีดวัคซีนของญี่ปุ่น แถลงข่าวในฐานะผู้เข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) พร้อมผลักดันการใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
- ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินระบุว่าแอปเปิลจะไม่สามารถบังคับแอปพลิเคชันต่างๆ ให้ใช้ระบบจ่ายเงินของแอปเปิลเพื่อซื้อสินค้าภายในแอป (in-app purchasing) อีกต่อไป
- ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และยืนยันว่า การส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการ PEPP ไม่ได้หมายความว่า ECB กำลังถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ประเด็นที่ต้องติดตาม
- สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน
- ดัชนีราคาผู้บริโภค และ ยอดค้าปลีกสหรัฐ เดือน ส.ค.
- ดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภคสหรัฐ เดือน ก.ย.
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- นโยบายของรัฐบาลจีนในการกำกับดูแล การดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ
- สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 พันธุ์เดลตาในประเทศต่างๆ
- ประชุม FOMC วันที่ 21–22 ก.ย. 2564
สรุป Action ประจำสัปดาห์ 14 – 21 กันยายน 2564
Technical View : Dow Jones
Technical View : NASDAQ
จากสัปดาห์ที่แล้ว เรายังคงคำแนะนำเดิมที่ยังให้ Take profit ของ NASDAQ อยู่และมีแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 15,000 จุด Downside -2%
Technical View : CSI300
CSI 300 กำลังจะทำ Pattern Double Bottom แต่จำเป็นจะต้องผ่านแนวต้านสำคัญที่ EMA 200 วัน ให้ได้เสียก่อน MACD ยังเป็นการฟื้นตัวแต่ยังมองว่าอาจจะเป็นการ sideway ออกข้างก่อนที่จะทะลุเป็นขาขึ้นอีกรอบ แนะนำรอสัญญาณซื้อ wait and see
Technical View : EUROPE
Buy on Dip : หุ้นใหญ่ EUROSTOXX 50 EMA 50 วันยังเป็นแนวรับที่ดี มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ high เดิม และ MACD ยังอยู่ใน positive zone ยังให้ Buy on Dip หรือ Let’s Profit Run
Technical View : INDIA
BSE SENSEX ถ้าหากใครมีกำไรมาก่อนหน้านี้มากแล้ว แนะนำให้ take profit หรือ ถ้าอยากถือระยะยาวก็มี downside อยู่ที่ EMA 50 และ 200 วันที่เป็น Max Drawdown รอบที่ถ้าหลุดเกินกว่านี้ แนะนำขายทำกำไรออกหมดก่อน แต่โดยรวมยังเป็น Uptrend ขาขึ้นระยะยาว
Technical View : VIETNAM
VN 30 ยังอยู่ในช่วง sideway แท่งเทียนอยู่เคลื่อนไหว อยู่ในกรอบสามเหลี่ยม Stochastic ขึ้นไป แตะระดับ 80 % แต่ราคาดัชนี ไม่ได้ขึ้นไปตามแนะนำ wait and see รอมีสัญญาณการเข้าซื้ออีกครั้งนึงก่อน
Technical View : Nikkei 225
NIKKEI 225 ทุกสัญญาณ indicator เป็น Overbought signal ทั้งหมด แนะนำให้ขายทำกำไร หากมีการย่อตัวลงมามากกว่า 5 % ที่ EMA 50 อาจจะพิจารณเข้าซื้ออีกครั้ง
Technical View : SET Index
SET index MACD ตัดลง มีโอกาส ลงมาที่แนวรับที่ 1600-1580 เป็นจุดที่สะสมในระยะยยาว แนะนำ take profit
TACTICAL CALL (14 – 21 ก.ย. 2564)
📈 OVERWEIGHT -CORE
Wait And See
• DJIA S&P 500 EURO
• VIETNAM : ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอยากมาก เรายังให้แบ่งไม้เข้า
• CHINA A : MCHINGA / KFCMEGA
• NASDAQ /INDIA: Hold Take Profit
• LHPROPG, PRINICIPAL-GREIT และ ASP-EUPROP Hold แนะนำขายทำกำไรบางส่วนย้ายไปเข้า PRINCIPAL-IPROPEN
📊 TACTICAL
• SCBTRAVEL wait and see รอสัญญาณซื้อ
• ทยอยเข้ากลุ่ม Financial : KT-FINANCE , ONE-GLOBFIN-RA
• P-CGREEN ทยอยเข้าได้
• THAI LARGE CAP รอย่อ แล้ว 1560-1580 เป็น Valuation ที่เหมาะสม (Neutral)
📊 UNDERWEIGHT
• GOLD & OIL
โทร: 089-199-3466 , Line ID: @WealthAdvice
เปิดบัญชีออนไลน์กับหลักทรัพย์ฟิลลิป ได้ที่ : https://bit.ly/3gvjZpi
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
อยากลงทุน? เปิดบัญชีลงทุนกับหลักทรัพย์ฟิลลิป เปิดบัญชีได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
- เปิดบัญชีออนไลน์ >> คลิ๊กเปิดบัญชีออนไลน์
- ดาวน์โหลดเอกสารเปิดบัญชี >> คลิ๊กดาวน์โหลด
- ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ โทร. 089-199-3466e
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ
นาย สุรัตน์ สดงาม ผู้แนะนำการลงทุน
ใบอนุญาตเลขทะเบียน IC: 083680
🆔 LINE: http://line.me/ti/p/~naimoo
📱089-199-3466 🌐 www.yak.guru
#กองทุนประกันความ #ยักษ์กูรู
#Disclaimer
- วัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น มิได้จัดทําขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุน
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือภาษีก่อนตัดสินใจ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- การลงทุนมีความเสี่ยงสูงที่อาจทําให้เกิดความสูญเสียจากการซื้อขาย ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเหมาะสมในการลงทุน โดยคํานึงถึงประสบการณ์ในการลงทุน วัตถุประสงค์ในการลงทุน แหล่งเงินทุน และรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
#กองทุนรวม #ออมกองทุน #ออมหุ้น
#FundSuperMart #หลักทรัพย์ฟิลลิป
#YAKGURU #YAKinvest #ยักษ์กูรู
No Comment