Defensive stock ที่ดี ที่ใช้รับมือกับความผันผวนของตลาดเป็นอย่างไร
สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน หากย้อนไปในช่วงต้นปี 2020 หลายท่านอาจจะพบกับความผันผวนของตลาดที่ปรับตัวลดลงจากการเริ่มแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ทำให้ SET นั้นปรับตัวลดลงจากราวๆ 1600 จุด ลงมาอยู่ที่ต่ำกว่า 1000 จุด ภายในช่วงเวลาสั้นๆ 1-2 เดือน และเมื่อเดือนที่แล้ว ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงเกือบ 50 จุดภายในสองวัน
หลายท่านที่เป็นมือใหม่ เวลาที่เจอกับความผันผวนอาจจะตกใจและไม่รู้จะทำอย่างไรหรือลงทุนในหุ้นแบบไหนดี วันนี้ผมจะมาแนะนำให้เพื่อนๆนักลงทุนได้รู้จักกับ Defensive stock ว่ามันคืออะไร และ Defensive stock ที่ดี เป็นหุ้นที่ใช้รับมือกับความผันผวนของตลาดควรจะเป็นอย่างไร
Defensive stock ถ้าแปลกันตรงตัวก็คือ หุ้นเชิงรับ แต่ความหมายของ Defensive stock จริงๆ ก็คือ หุ้นที่ราคานั้นมีความผันผวนน้อยในทุกสภาวะตลาด ในทุกสภาพไม่ว่าตลาดจะดีหรือแย่ ซึ่ง Defensive stock จึงเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรนั้น ไม่ขึ้นอยู่กับสภาวะเศษฐกิจ ค่อนข้างมีความคงที่ในทุกสภาวะตลาดและสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าเศรษฐกิจจะแย่ก็ตาม
แต่ในทางกลับกัน Defensive stock บริษัทก็ไม่ได้มีกำไรเติบโตอย่างน่าตื่นเต้นเช่นกัน ก็เลยทำให้ในภาวะที่เศรษฐกิจนั้นดีมากราคาของหุ้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เป็นบวกมาก เช่น บริษัทอื่นๆ ที่กำไรเติบโตอย่างมากในภาวะที่เศรษฐกิจดี
เพื่อนๆ พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมว่าหุ้น Defensive stock คืออะไร ทีนี้เรามาดูกันต่อครับว่า Defensive stock ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร โดยตัวผมเองได้อ่านจากหนังสือชื่อ intelligent investor แบ่งเป็นข้อๆ ได้แบบนี้
1. บริษัทควรจะมีขนาดกลางถึงใหญ่ ในประเทศไทยเราอาจจะมองหุ้นในกลุ่ม SET100 หรือ SET50 ซึ่งจะเป็นหุ้นกลุ่มขนาดกลางและขนาดใหญ่
2. ความเสี่ยงต่ำ ในที่นี้เรามองไปในสัดส่วนของหนี้สินต่อทุนไม่ควรเกิน 1 เท่า (D/E <1 )
3. บริษัทสามารถทำกำไรได้ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี (ที่ต้อง 10 ปีนั้น Benjamin Graham ผู้เขียน อาศัย economic cycle มาเป็นตัววัดแต่ในปัจจุปัน economic cycle มีอายุที่ยาวขึ้นจาก 10 มาเป็นเกือบ 12 ปีในปัจจุบัน)
4. บริษัทประกอบธุรกิจที่ไม่คล้อยตามไปกับสภาพเศรษฐกิจ เช่น โรงไฟฟ้า โรงพยาบาล หรืออะไรก็ตามที่เป็นพื้นฐานการใช้ชีวิต
5. มีการจ่ายปันผลติดต่อกันมากกว่า 10 ปี
6. กำไรเติบโต แต่แบบค่อนข้างคงที่อยู่ที่ 3-5 % ต่อปี โดยส่วนนี้เราสามารถดูข้อมูลการเติบโตส่วนนี้จาก EPS ของหุ้นได้ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ เพื่อนๆ สามารถหาข้อมูลได้จากบทวิเคราะห์ หรือ ทางตลาดหลักทรัพย์ได้
7. ไม่แพงจนเกินไป ทั้งสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) และราคาหุ้นเทียบกับมูลค่าทางบัญชีของบริษัท (P/BV) คำว่าไม่แพงจนเกินไป คือ สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ไม่ควรเกิน 15 เท่า และราคาหุ้นเทียบกับมูลค่าทางบัญชีของบริษัท (P/BV) ไม่ควรเกิน 2 เท่า
หลังจากเห็นทั้ง 7 ข้อ คงอยากจะลองหาหุ้นที่เป็น Defensive stock มาไว้ในพอร์ตกันแล้วใช่ไหมครับ เพื่อนๆ สามารถตั้งเงื่อนไขเหล่านี้ได้เองในโปรแกรม Efinnance เพื่อค้นหาหุ้นเหล่านี้ได้เลยครับ
หรือถ้ายังเป็นมือใหม่อยากมีเจ้าหน้าที่ดูแลแนะนำ มีคอร์สอบรมออนไลน์ต่างๆ ที่คุยกันด้วยภาษาง่ายๆ มาเปิดบัญชีลงทุนกับหลักทรัพย์ฟิลลิปได้เลยครับ แจ้งความประสงค์ให้เราติดต่อกลับได้ที่ https://forms.gle/ceZQGYviodBFKWuAA
อยากลงทุน? เปิดบัญชีลงทุนกับหลักทรัพย์ฟิลลิป เปิดบัญชีได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
- เปิดบัญชีออนไลน์ >> คลิ๊กเปิดบัญชีออนไลน์
- ดาวน์โหลดเอกสารเปิดบัญชี >> คลิ๊กดาวน์โหลด
- ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ โทร. 089-199-3466
- วัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น มิได้จัดทําขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุน
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือภาษีก่อนตัดสินใจ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- การลงทุนมีความเสี่ยงสูงที่อาจทําให้เกิดความสูญเสียจากการซื้อขาย ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเหมาะสมในการลงทุน โดยคํานึงถึงประสบการณ์ในการลงทุน วัตถุประสงค์ในการลงทุน แหล่งเงินทุน และรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
No Comment